ขนแมวติดเสื้อ สำหรับทาสแมวที่ต้องระวังเรื่องคราบสกปรกหรือคราบเหลืองบนเสื้อผ้าแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือการกำจัดขนแมวบนเสื้อผ้าให้หลุดไปนั่นเอง หากกำจัดขนแมวบนเสื้อผ้าไม่หมด อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ เพราะในขนแมวนั้น มักจะมีเชื้อโรค ฝุ่นละออง รวมถึงเซลล์เล็กๆ ทำให้เราอาจสูดดมสิ่งสกปรกขนาดเล็กเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัว นานๆเข้า จะทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ในที่สุด ยิ่งใครเลี้ยงน้องแมวหลายตัวยิ่งต้องระมัดระวังขนแมวติดเสื้อเป็นพิเศษ
ขนแมวติดเสื้อ ปัญหาชวนปวดหัว
นอกจากความซนเกินต้านและความกินจุของเจ้าเหมียวที่ทาสต้องรับมือแล้ว ปัญหาเรื่องขนแมวติดเสื้อ เป็นอีกปัญหาชวนปวดหัวที่คนเลี้ยงแมวต้องมีวิธีจัดการ เพราะหากปล่อยไว้ไม่รีบแก้ไข และใส่เสื้อผ้าออกไปทั้งๆ ที่มีขนแมวติดเสื้ออยู่ แน่นอนว่าการแต่งกายในตอนนั้นคงดูไม่จืด เสียความมั่นใจและยังทำให้บุคลิกภาพติดลบ มิหนำซ้ำคนรอบข้างอาจซุบซิบคิดว่าไม่ทำความสะอาดเสื้อผ้าก็เป็นได้
ดังนั้นหากใครที่ปล่อยให้เพื่อนซี้สี่ขาขนยาวมาคลอเคลียตามตัว ที่นอน หรือโซฟา และสะบัดขนทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า มีวิธีซักผ้าขนแมวหรือขนสุนัขติดเสื้อผ้ามาบอกต่อ รับรองว่าช่วยขจัดปัญหากวนใจได้แน่นอน
ขนแมว ติดเสื้อผ้าทำให้เสี่ยงเป็นภูมิแพ้
ก่อนจะรู้วิธีจำกัดขนแมวติดเสื้อ เหล่าทาสเคยสงสัยหรือไม่ ว่าทำไมขนของสัตว์เลี้ยงถึงชอบติดตามเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะขนสัตว์มีไฟฟ้าสถิต ที่ทำให้เกาะบนพื้นผิวและวัสดุต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะบนพื้นผิวที่เป็นเส้นใยผ้า เช่น เสื้อ กางเกง เบาะรองนั่ง พรมเช็ดเท้า โซฟา ผ้านวม หรือแม้แต่บนเตียงต่างเจอปัญหาขนแมวติดที่นอนที่ทำให้หนักใจด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญหากปล่อยให้ขนแมวติดเสื้อหรือตามพื้นผิวในบ้าน โดยที่ยังคงใช้ชีวิตร่วมกับปัญหานี้ไปเรื่อยๆ อาจเป็นการกระตุ้นอาการภูมิแพ้ โดยเฉพาะคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วมักมีความเสี่ยงว่าจะรุนแรงกว่าเดิม เพราะนอกจากไรฝุ่นในบ้านที่เป็นปัจจัยหลัก ขนสัตว์ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน
ทั้งนี้สาเหตุอาจเกิดมาจากสารก่อภูมิแพ้ที่มาจากน้ำลายของสัตว์ (สารก่อภูมิแพ้เกิดขึ้นขณะที่แมวเลียขนตัวเอง) เมื่อขนที่มีสารก่อภูมิแพ้ปนเปื้อนลอยไปในอากาศ คนที่สูดดมสารดังกล่าวเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการแพ้ คันบริเวณเนื้อเยื่อรอบดวงตาและจมูก บางรายอาจมีผื่นขึ้นที่ใบหน้า ลำคอ และหน้าอกส่วนบน ดังนั้นวิธีที่ช่วยป้องกันปัญหาได้ดีที่สุดหรับคนที่แพ้ขนแมวคือ “การไม่เลี้ยงแมว” แต่หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะบางคนตกเป็นทาสแมวโดยไม่รู้ตัว จำเป็นต้องป้องกันตัวเองเพื่อลดอาการแพ้ เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์โดยตรง สวมหน้ากากอนามัย ทำความสะอาดเสื้อผ้า และดูดฝุ่นในบ้านด้วยเครื่องดูดฝุ่น
10 วิธี กำจัดขนแมวติดเสื้อ
1. กำจัดขนแมวด้วยฟองน้ำ
ขั้นตอนแรกการกำจัดขนแมวติดเสื้อง่ายมากๆ สามารถใช้อุปกรณ์ในห้องครัวอย่าง “ฟองน้ำ” นำมาชุบน้ำให้หมาดๆ แล้วแปรงบนเสื้อผ้าเบาๆ หรือจะใช้ฟองน้ำเก่าที่ไม่ได้ใช้อีกต่อไปมาขัดได้เช่นกัน วิธีนี้จะทำให้ขนขนแมวติดเสื้อสามารถหลุดอย่างง่ายดาย ไม่เปลืองแรงอีกด้วย
2. เมื่อซักผ้าเสร็จแล้ว อย่าลืมซักล้างถังเปล่าทุกครั้ง
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยกำจัดขนแมวติดเสื้อได้อย่างง่ายดาย แต่หลายคนมักจะลืม คือการทำความสะอาดเครื่องซักถังเปล่าหลังจากที่ซักผ้าที่มีขนแมวติดเสื้อเสร็จแล้ว เนื่องจากทุกครั้งที่ซักผ้าเสร็จมักจะมีขนแมวติดอยู่ในเครื่องด้วย จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดเครื่องซักผ้าทุกครั้งเพื่อกำจัดขนสัตว์ที่หลงเหลืออยู่
ส่วนขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยากเลย เพียงแค่ตั้งโปรแกรมในการซักผ้าแบบปกติ ตั้งเวลาให้นานเป็นพิเศษ เพื่อให้น้ำชะล้างสิ่งสกปรกและกำจัดขนสัตว์ที่ติดอยู่ข้างใน อย่าลืมเลือกใช้น้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียด้วยนะ รับรองว่าจะได้เครื่องซักผ้าที่สะอาด ไร้เชื้อโรค และไม่มีขนแมวหลงเหลืออยู่แน่นอน
3. ลูกกลิ้งอเนกประสงค์
สามารถใช้ลูกกลิ้งอเนกประสงค์ หรือลูกกลิ้งกำจัดขน ที่มีขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป นำมาดึงขนแมวติดเสื้อให้หลุดออกได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังสามารถทำลูกกลิ้งเองได้โดยการใช้เทปกาวพันมือ จากนั้นหันด้านที่เป็นกาวออก แล้วนำมาดึงขนแมวบนเสื้อผ้า วิธีนี้จะช่วยให้ขนแมวหลุดออกได้ง่ายขึ้น
4. ดึงขนแมวออกจากเสื้อผ้าด้วยถุงมือยาง
อุปกรณ์ใกล้ตัวอย่างถุงมือยาง ก็เป็นเคล็ดลับในการกำจัดขนแมวได้เช่นกัน เพียงแค่สวมถุงมือยาง นำมาชุบน้ำให้เปียกหมาดๆ แล้วลูบบนขนแมวติดเสื้ออยู่ จะหลุดออกและติดบนถุงมือยาง เหมาะสำหรับคนที่มีน้องแมวหลายตัว
5. ใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนสำหรับแมวโดยเฉพาะ
นอกจากเทคนิคดึงขนแมวแล้ว หากสวมเสื้อผ้าให้กับน้องแมวเป็นประจำ ยิ่งต้องระวังในการใช้น้ำยาซักผ้าเป็นพิเศษ เพราะหากใช้น้ำยาซักผ้าที่ระคายเคืองต่อผิวหนังสัตว์ จะส่งผลให้ขนแมวหลุดร่วงมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนัง และยังทำให้การกำจัดขนแมวติดเสื้อยากขึ้นเป็นอีกเท่าตัว ซึ่งสามารถใช้บริการซักผ้า-อบผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ได้ที่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญสำหรับผ้าของสัตว์เลี้ยง
6. รีดผ้าไอน้ำ ช่วยให้ขนหลุดออกจากเสื้อผ้าได้
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเครื่องรีดผ้าไอน้ำที่บ้าน ซึ่งความอบอุ่นและความชื้นจากเครื่องรีดผ้าไอน้ำจะช่วยให้ขนแมวติดเสื้อหลุดออกได้อย่างหมดจด อีกทั้งการรีดผ้าด้วยไอน้ำนั้น เหมาะเนื้อผ้าที่บางเป็นพิเศษ โดยสามารถดูวิธีการทำความสะอาดจากป้ายแนะนำบนเสื้อผ้า
7. ใส่แผ่นอบผ้า ลงในเครื่องอบผ้าทุกครั้ง
แผ่นอบผ้าไม่ได้มีดีแค่กลิ่นหอมๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยให้การกำจัดขนแมวติดเสื้อกลายเป็นเรื่องง่ายอีกด้วย ขั้นตอนก็ไม่ยากเลย เพียงแค่ใส่แผ่นอบผ้า 1-2 แผ่น ลงในเครื่องอบผ้า โดยแผ่นอบผ้าจะช่วยลดไฟฟ้าสถิต ทำให้เส้นขนอ่อนลงและหลุดออกได้ง่ายขึ้น ทำให้เมื่อนำเสื้อผ้าไปอบแห้งพร้อมกับแผ่นอบผ้า ขนแมวติดเสื้อจะหลุดออกได้อย่างง่าย แถมยังมีกลิ่นหอมๆ ให้ได้สูดดมกันอย่างชื่นใจอีกด้วย
8. ลูกบอลซักผ้า ช่วยให้ขนแมวหลุดออกได้เช่นกัน
สามารถหาซื้อลูกบอลได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป โดยลูกบอลซักผ้านั้นจะช่วยลดไฟฟ้าสถิตเหมือนกับแผ่นอบผ้า ช่วยให้เส้นขนอ่อนลงและหลุดออกได้ง่ายเช่นเดียวกัน วิธีใช้ก็ไม่ยากเพียงแค่ใส่ลูกบอลลงไปในเครื่องซักผ้าทุกครั้ง เพียงเท่านี้เสื้อจะสะอาด ไร้ขนแมวติดเสื้อ
9. ทำความสะอาดเครื่องกรองขนหลังใช้เสร็จ
หลังการซักผ้าทุกครั้ง เครื่องกรองขนในเครื่องซักผ้าจะเต็มไปด้วยฝุ่นและขนแมวติดเสื้อที่หลุดออกมา หากไม่ได้ทำความสะอาดหลังการใช้เสร็จ จะทำให้เครื่องกรองขนไม่สามารถดักจับฝุ่นและกรองขนได้
10. มาร้านซักผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยง
สำหรับใครที่มีพื้นที่ในห้องจำกัด หรือไม่มีเครื่องซักผ้าในหอพัก สามารถใช้บริการร้านซักผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
คำแนะนำสำหรับคนแพ้ขนแมว
การไม่เลี้ยงแมวเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันการแพ้ขน แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็มีทางเลือกเพื่อลดอาการแพ้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเลี้ยงแมวในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องนอน
- จัดบริเวณการขับถ่ายให้เป็นที่ และจัดเก็บอย่างถูกลักษณะ
- ล้างมือทุกครั้งหลังจากสัมผัสแมว
- ถ้าในบ้านมีการปูพรม ควรนำพรมออก เพื่อลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้และขนแมว
- ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน โดยเฉพาะห้องนอน ชนิดที่มี HEPA Filter
- หมั่นล้างทำความสะอาดไส้กรองแอร์ และเปลี่ยนเมื่อถึงกำหนด
- ดูดฝุ่นภายในบริเวณบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง รวมถึงของเล่นและที่นอนของเจ้าเหมียว และควรใช้หน้ากากปิดจมูกขณะปัดฝุ่น และทำความสะอาดด้วย
- เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหนังไม่ควรทำจากผ้า เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด
- อาบน้ำให้แมวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และแปรงขนให้แมวทุกวัน เพื่อลดเศษขนและฝุ่นละอองที่สะสมไว้
วิธีการแก้ไขปัญหาแมวขนร่วง
- หมั่นแปรงขนแมว เพราะการแปรงขนจะช่วยกำจัดเศษขนส่วนเกิน ช่วยป้องกันไม่ให้ขนพันกัน และยังช่วยกระตุ้นต่อมใต้ผิวหนังของแมวให้ผลิตน้ำมันที่ช่วยบำรุงให้เส้นขนเงางามได้อีกด้วย โดยเทคนิคในการแปรงขนแมวคือ ค่อยๆ แปรงช้าๆ อย่างเบามือ โดยใช้ระยะเวลาที่สั้น และหยุดแปรงเมื่อแมวแสดงอาการต่อต้านการแปรงขน
- ควบคุมปรสิตภายนอกอย่างสม่ำเสมอ เพราะนอกจากการผลัดขนแล้ว สาเหตุสำคัญที่ทำให้แมวขนร่วงคือการติดปรสิต โดยเฉพาะหมัด ที่มักก่อให้เกิดปัญหาแพ้น้ำลายหมัด ดังนั้นเจ้าของน้องแมวจึงควรปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องการวางโปรแกรมควบคุมปรสิตในน้องแมวอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งควบคุมปรสิตที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย
- เสริมผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นขน ที่ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 ไบโอติน สังกะสี และวิตามินต่างๆ ที่จะช่วยบำรุงเส้นขนและช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง โดยควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับน้องแมวของคุณ
- เลือกอาหารแมวที่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับผิวหนังและขนของน้องแมว อาหารแมวที่มีคุณภาพดี มีสารอาหารครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น กรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 และโปรตีนคุณภาพดีจากเนื้อปลาทะเล จะช่วยบำรุงผิวหนังของสุนัขให้แข็งแรงและช่วยให้สุนัขมีขนสวยเงางาม เช่น เพียวริน่า วัน เท็นเดอร์ ซีเล็กซ์ เบลนด์ สูตรปลาแซลมอน อาหารแมวชนิดเม็ด เกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม สำหรับแมวโตทุกสายพันธุ์ ทำจากเนื้อปลาแซลมอนและทูน่า
- มีกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 ที่ช่วยบำรุงขนและผิวหนัง
- ทำมาจากโปรตีนคุณภาพสูงจากเนื้อปลาแซลมอน เพื่อกล้ามเนื้อและหัวใจแข็งแรง รสชาติอร่อยถูกใจน้องแมว
- มีใยอาหารสูง ลดการเกิดก้อนขน ช่วยเรื่องระบบการขับถ่าย
- มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อให้แข็งแรง
- และมีสารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามิน A, E และซิลีเนียม ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
- ปลาหมอสี วิธีการเลี้ยง ลักษณะนิสัย และการให้อาหาร
- โกลเด้น รีทริฟเวอร์ สุนัขสายพันธุ์ยอดนิยม
- การดูแลขนสุนัข ให้สะอาดเงางาม สุขภาพดี
- พาสุนัขเที่ยว ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ที่มาของบทความ